อยากเก่งภาษาอังกฤษต้องรู้จัก Part of speech(POS) ชนิดของคำเสียก่อนแล้วจะเรียนง่าย เข้าใจเร็ว | Grammarพาเพลิน

ยินดีต้อนรับสู่บล็อกการเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษด้วยกัน วันนี้มีเรื่องสำคัญมากบอก ต้องอ่านให้จบนะ ไม่งั้นจะไม่เข้าใจช้างทั้งตัวเป็นอย่างไร

| Part of speech: ชนิดของคำ

"Part of speech" (POS) แปลว่า "ชนิดคำ" หรือแปลตามตัวอักษรเลยก็คือ "ส่วนประกอบของคำพูด" คือลักษณะหรือบทบาทที่แตกต่างกันของคำในภาษาอังกฤษและภาษาอื่น ๆ ที่ใช้ในการระบุบทบาทหรือหน้าที่ของคำในประโยค เช่น คำนาม (noun), คำกริยา (verb), คำวิเศษณ์ (adjective), คำคุณศัพท์ (adverb), คำสรรพนาม (pronoun), คำบุพบท (preposition), คำสันธาน (conjunction), และคำอุทานหรือวลี (interjection) เป็นต้น

การระบุ "part of speech" มีประโยชน์ในการเข้าใจโครงสร้างและหมายความของประโยค ช่วยในการสร้างประโยคที่ถูกต้องทางไวยากรณ์ และช่วยในการเข้าใจความหมายและหลักสร้างของภาษา การระบุ "part of speech" จึงเป็นสิ่่งสำคัญในการศึกษาภาษาและการเรียนรู้การใช้งานภาษาอย่างถูกต้อง

• คลิก : ตีแตกภาษาอังกฤษ : English Of The Day
• คลิก  : เผยเคล็ดลับเอ็กเซล : XCEL-GURU

ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษหรือภาษาใด ๆ ความเข้าใจถึง "part of speech" หรือ "ชนิดคำ" เป็นสิ่งสำคัญมาก เนื่องจากมันช่วยให้คุณเข้าใจโครงสร้างของประโยคและใช้คำในการสื่อความหมายอย่างถูกต้อง 

ในบทความนี้เราจะบอกคุณเกี่ยวกับ "part of speech" ทั้ง 8 ประเภทพร้อมกับตัวอย่างแต่ละประเภท เพื่อช่วยให้คุณทราบว่าแต่ละประเภทของคำทำหน้าที่อย่างไรในประโยค

Noun (คำนาม):

คำนามใช้เรียกชื่อสิ่งต่าง ๆ ในโลก เช่น "cat," "dog," "book," "friend" "Sun" "Love"... คำนามสามารถเป็นคำที่บ่งบอกสิ่งต่าง ๆ ที่เราสามารถเห็นหรือไม่เห็น, สัมผัส, หรือรับรู้

ตัวอย่าง:

The cat is sleeping. แมวกำลังนอน

I have a new book to read. ฉันมีหนังสือใหม่อ่าน

Verb (คำกริยา):

คำกริยาใช้เรียกชื่อการกระทำ หรือสิ่งที่เกิดขึ้น เช่น "run," "eat," "sing," "walk," "write," หรือ "study." คำกริยาบ่งบอกว่าเรากำลังทำอะไรหรือเกิดอะไรขึ้น

ตัวอย่าง:

She runs every morning. หล่อนวิ่งทุกๆเช้า

I like to eat pizza. ฉันชอบพิซซา

Adjective (คำวิเศษณ์):

คำวิเศษณ์ใช้เพื่อบรรยายคำนามโดยใส่คุณลักษณะหรือคุณค่าเพิ่มเติมให้กับสิ่งหรือคนที่เรากล่าวถึง เช่น "happy," "beautiful," "big," หรือ "interesting."

ตัวอย่าง:

The beautiful flowers are in the garden. ดอกไม้ในสวนสวยมาก

It was a happy day. มันเป็นวันแห่งความสุข

Adverb (คำคุณศัพท์):

คำคุณศัพท์ใช้เพื่อบรรยายคำกริยา, คำนาม, หรือคำวิเศษณ์อื่น ๆ โดยให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกระทำหรือสถานะ เช่น "quickly," "very," "now," หรือ "well."

ตัวอย่าง:

She speaks fluently. หล่อนพูดคล่อง

He ran quickly to catch the bus. เขาวิ่งอย่างเร็วเพื่อให้ทันรถบัส

Pronoun (คำสรรพนาม):

คำสรรพนามใช้แทนคำนามหรือชื่อคนหรือสิ่งต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เราต้องระบุชื่อโดยตรงซ้ำๆ เช่น "he," "she," "it," "they," หรือ "we."

ตัวอย่าง:

She is my sister. หล่อนเป็นน้องสาวฉัน

They like to travel. พวกเขาชอบท่องเที่ยว

Preposition (คำบุพบท):

คำบุพบทใช้เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างคำนามหรือคำกริยากับคำอื่น ๆ ในประโยค เช่น "in," "on," "under," หรือ "between."

ตัวอย่าง:

The book is on the table. หนังสืออยู่บนโต๊ะ

She is hiding behind the tree. หล่อนซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้

Conjunction (คำสันธาน):

คำสันธานใช้เพื่อเชื่อมต่อคำหรือประโยค เช่น "and," "but," "or," หรือ "because."

ตัวอย่าง:

I want pizza, but I'm on a diet. ฉันต้องการพิซซา แต่ฉันอยู่ระหว่างลดน้ำหนัก

You can have tea or coffee. ท่านเลือกชาหรือกาแฟก็ได้

Interjection (คำอุทาน):

คำอุทานใช้เพื่อแสดงอารมณ์หรือความรู้สึกแล้วเปล่งเป็นเสียงออกมาอย่างไว โดยไม่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างของประโยค เช่น "wow," "oh," "ouch," หรือ "hurray."

ตัวอย่าง:

Wow, that's amazing! ว้าว! มันช่างมหัศจรรย์ยิ่ง!

Ouch, that hurts! อุช มันเจ็บ!

การเรียนรู้และเข้าใจ "part of speech" จะช่วยให้คุณเขียนและเข้าใจประโยคอย่างถูกต้องและชัดเจนมากขึ้น มันเป็นพื้นฐานสำคัญในการศึกษาภาษาอังกฤษ และควรถูกใส่ใจในการพัฒนาทักษะการใช้ภาษาของคุณ.

ขอบคุณมากครับ แล้วพบกันใหม่ครับ

Thanks for reading.

Posted by: Michael Leng

I've known, then I've grown.

ถ้าชอบกด like ถ้าใช่กด share / ขอบคุณครับ